นักปั่นที่ปั่นมาได้สักระยะนึงแล้วเราจะรู้ได้ว่าระยะต่างๆ ของจักรยานเรานั้นเหมาะกับเราจริงหรือเปล่า และส่วนใหญ่เมื่อเริ่มปั่นไปได้สักระยะเรามักจะอยากเปลี่ยนหรืออัพเกรดชิ้นส่วนต่างๆ ให้ดีขึ้นและเข้ากับเราได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวัสดุหรือระยที่เหมาะสมกับตัวเราก็ตาม วันนี้เรามาพูดถึงธรรมชาติของแฮนด์จักรยานและการเลือกแฮนด์ที่เหมาะสมกับตัวเรากันครับ โดยการสัมภาษณ์พี่เจ๋ Professional Bike Fitter อีกเช่นเคยครับผม มาดูกันว่าเราจะเลือกแฮนด์ที่เหมาะสมกับเราได้อย่างไร

พี่เจ๋ได้บอกกับเราว่า ถ้าจะจำแนกประเภทแฮนด์จักรยานจริงๆ มันจะถูกย่อยออกไปเยอะมาก เพราะงั้นขอแบ่งแบบหลักๆ ก่อนก็คือมี แฮนด์จักรยานถนน (เสือหมอบ) กับ จักรยานภูเขา (เสือภูเขา) วันนี้เราจะมาเจาะลงในเรื่องของแฮนด์เสือหมอบ จะถูกแบ่งออกเป็น แฮนด์จักรยานถนนหรือเสือหมอบนั่นแหละ แฮนด์จักรยาน Gravel bike, Cyclocross ทรงจะเป็นแบบเดียวกับแฮนด์เสือหมอบเลยแต่จะกว้างกว่า ส่วน Drop หรือก็คือส่วนแฮนด์ล่างนั้นจะแบะกว้างออก

อีกแบบคือแฮนด์ Time trial bike ที่เป็นแอร์โร่บาร์ลักษณะคือจะมีที่วางศอกกับแฮนด์ล่างก็จะเห็นได้ในรถไตรฯ แต่มันจะคนละแบบกับแฮนด์แบบเสริมที่รองศอก ถ้าเป็นแบบนั้นจะเรียกว่า Clip on คือเราใช้แฮนด์เสือหมอบปกติแล้วซื้อแฮนด์ Clip on ที่เป็นที่รองศอกมาเสริมให้เหมือนแฮนด์ Time trial

ส่วนใหญ่คนมักจะถามกันว่าเราสามารถเอาแฮนด์ Time trial bike มาใส่กับจักรยานเสือหมอบเลยได้ไหม? ก็ได้… แต่! มันจะควบคุมรถลำบากและปรับอะไรได้ยากกว่าแฮนด์เสือหมอบปกติ เพราะว่าแฮนด์ Time trial ปรับความสูง Stem ได้ไม่เยอะ ส่วนมากจะปรับกันตรงบาร์ที่รองศอกข้างบน แฮนด์ล่างก็จะราบไปในระยะเดียวกับท่อนอนไปเลย คนที่ใช้จักรยานเสือหมอบประเภทแอร์โร่หรือทรงอะไรก็ตามที่อยากใส่แฮนด์ Time trial เค้าก็จะนิยมติดที่รองศอกแบบ Clip on เพิ่มเอามากกว่า เพราว่ามันง่ายและสะดวกกว่า อีกอย่างคือถ้าหากเปลี่ยนไปใช้แฮนด์ Time trial มันได้เรื่องความแอร์โร่ไดนามิคด้วยรูปทรงและการติดตั้งของมันก็จริง แต่อาจจะต้องยุ่งยากไปเดินสายเบรก สายเกียร์ ตั้งระยะต่างๆ ใหม่ ซึ่งมันยุ่งยาก ถามว่าแล้วแฮนด์แบบนี้มันสบายไหม? มันไม่ได้สบายขนาดนั้นทั้งแบบ Time trial และ Clip on มันกลับควบคุมรถลำบากและเบรกรถลำบากด้วยซ้ำไป เพราะมันทำมาเพื่อรถประเภทของมันโดยตรง เป็นรถที่มีจุดประสงค์ในการปั่นทำความเร็วทางราบยาวๆ ไม่ได้เน้นความเฉียบขาดแบบรถเสือหมอบ แต่ตามความเป็นจริงแล้วแฮนด์ 3 แบบที่บอกไปข้างต้นไม่ว่าจะเป็น แฮนด์ Gravel bike, Cyclocross แฮนด์ Time trial แฮนด์จักรยานเสือหมอบ สามารถใส่จักรยานเสือหมอบได้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของเรา แฮนด์ที่จับและควบคุมรถง่ายที่สุดก็คือแฮนด์แบบตรงที่เราจะเห็นได้ในจักรยานเสือภูเขาหรือจักรยานไฮบริด แบบนั้นง่ายที่สุดแล้ว

ส่วนในด้านแฮนด์ Gravel bike, Cyclocross จะสังเกตได้ว่าลักษณะมันคือเหมือนแฮนด์เสือหมอบปกติแต่ว่า Drop จะบานออก แบะออกข้าง ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น? เพราะว่าจักรยานประเภท Gravel bike หรือ Cyclocross เขามักจะปั่นกันในทางลูกกรัง ลักษณะการบังคับรถก็จะใช้ระยะการหักเลี้ยวที่เยอะกว่าเสือหมอบทั่วไป ซึ่งจักรยานเสือหมอบเขาปั่นกันบนถนนมันจะสามารถเทเข้าโค้งได้ แต่ Gravel bike หรือ Cyclocross มันเทเข้าโค้งไม่ได้ เพราะสภาพภูมิประเทศหรือสนามของมันคือภูเขาไม่ก็ทางลูกรัง แรงต้านของทางที่ปั่นจะเยอะกว่า มันจึงจะต้องหักเลี้ยวไปเลยไม่ใช่การเทเลี้ยว แฮนด์มันจึงกว้างขึ้นและ Drop หรือแฮนด์ล่างก็จะแบะกว้างออกไปอีก เพื่อให้มันช่วยในเรื่องการควบคุมรถได้ดีขึ้น ควบคุมการเลี้ยวได้ดีขึ้น และได้ระยะการเลี้ยวเยอะขึ้น

ถามว่าเราเลือกแฮนด์เสือหมอบจากอะไรได้บ้างและการใช้แฮนด์มันส่งผลอะไรได้บ้าง หลักๆ เลยก็จะได้ในเรื่องของความสบาย อีกเรื่องก็คือความ Aerodynamic หรือความลู่ลม ความกว้างของแฮนด์ก็มีผลต่อตรงนี้ด้วย บางคนชอบลู่ลมเยอะๆ จะใช้แฮนด์ระยะแคบๆ แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้ใช้ง่ายๆ แบบนั้น มันอาจจะใช้ได้แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อตัวผู้ใช้แน่ๆ บางคนก็อาจจะใช้แฮนด์ระยะแคบๆ ไม่ได้เลย ก็ต้องดูก่อนว่าเราขี่ระยะแบบนั้นได้หรือไม่ ใจเราอาจจะบอกว่าปั่นได้ แต่ร่างกายเราอาจจะมีการตอบสนองบางอย่างที่บอกว่ามันใช้ไม่ได้

ถ้าเป็นแฮนด์เสือหมอบปกติก็แบ่งเป็นสองประเภท คือ แฮนด์ที่เราเห็นกันทั่วไป คือมีสเต็มและแฮนด์ กับ แฮนด์แบบ Integrated การเลือกแฮนด์เสือหมอบที่อยากแนะนำคืออยากให้ได้ระยะที่ชัวร์และโอเคก่อนหรือไปทำ Bike Fitting ก่อนดีกว่าจึงจะใช้แฮนด์แบบ Integrated เพราะข้อเสียของมันคือไม่สามารถปรับระยะ Stem ได้ มันจึงเหมาะสำหรับคนที่รู้ระยะแน่ชัดและไม่คิดจะเปลี่ยนตำแหน่งของแฮนด์แล้ว แต่ว่าแฮนด์ Integrated แบบที่มันยืดหดได้ก็มี แต่ว่ามันไม่ได้รับความนิยมกันสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นมือใหม่อย่าพึ่งแต่งใส่แฮนด์ Integrated ให้ใช้แบบปกติคือแยกชิ้นก่อน เพื่อให้เราหาระยะที่เหมาะสมและสบายหรือไปทำฟิตติ้งก่อนถึงจะเปลี่ยนได้ ส่วนใหญ่นักปั่นมักจะอยากเปลี่ยนไปใช้แฮนด์ Integrated เพราะว่ามันสวยเลยต้องบอกตรงนี้ไว้ก่อน

พูดถึงเรื่องของแฮนด์เสือหมอบแล้วคราวนี้ก็จะมีข้อสงสัยเพิ่มขึ้นมาอีกว่า แฮนด์ที่ติดมากลับรถเสือหมอบนั้นดีไหม? มันเหมาะสมกับเราแล้วหรือเปล่า? ก็ต้องบอกว่าคุณมากมันก็สมตามราคาตามแบรนด์จักรยานแต่ในเรื่องความสบายความเหมาะสมกับตัวผู้ปั่นก็จะเป็นอีกเรื่อง เพราะแฮนด์ก็จะมีมิติของมันมีระยะของมัน รถบางคันซื้อมาไซส์อาจจะเหมาะสมกับผู้ปั่นแต่อาจจะได้แฮนด์ที่ไม่ใช่ระยะของเรามา ก็ต้องมาดูกันที่ระยะความกว้างของไหล่กันก่อนแล้วจึงดูระยะคาวมยาวของแฮนด์ แต่เราจะพูดถึงที่ระยะการเอื้อมกันก่อน นอกจากแฮนด์จะมีความกว้างแล้วมันยังมีระยะที่ทำให้ผู้ปั่นเอื้อมได้มากขึ้นตัวเราก็จะก้มได้มากขึ้น เค้าจะเรียกว่า Reach จะวัดจากส่วน Top ของ Handlebars ไปถึงจุดที่เราต้องติดตั้ง Shifter ถ้าแฮนด์มีค่าระยะนี้มากแปลว่ามันจะยิ่งเหมือนกับเราใส่สเต็มยาวขึ้น เราก็ต้องเอื้อมมากขึ้นนั่นเอง ส่วนอีกค่าที่เราควรดูให้ดีด้วยเหมือนกันคือระยะ Drop เป็นระยะที่เราก้มจับแฮนด์ล่างยิ่งค่าเยอะยิ่งก้มไปเยอะ ก้มเยอะมากไปก็ปวดหลังปวดคออีก บางคนซื้อแฮนด์ลืมดูระยะนี้ปรากฏว่าจะก้มจับแฮนด์ล่างแต่ทำไม่ได้เพราะว่าระยะ Drop มันมากไป ก็เป็นอีกค่าที่ต้องดูให้ดี นักปั่นที่มือเล็กหรือตัวเล็กควรจะเลือกแฮนด์ที่มีระยะ Reach สั้นๆ ไว้จะดีที่สุดเพราะจะทำให้เรานั้นกำเบรกได้ง่าย

มาดูที่เรื่องของการก้ม อย่างที่เราบอกไปว่ายิ่ง Reach เยอะก็สามารถทำให้ตัวเรานั้นเอื้อมได้เยอะเหมือนกับการที่เราใส่ Stem ยาว แปลว่าถ้าเราอยากจะเอื้อมเยอะๆ ให้มันมีความ Aerodynamic เราก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน Stem ยาวแต่เปลี่ยนแฮนด์ที่มีระยะ Reach เยอะก็ได้เหมือนกันใช่หรือไม่? คำตอบคือได้ แต่ว่าการใช้ “แฮนด์ Reach ยาวแต่ Stem สั้น” กับ “ใช้แฮนด์ Reach สั้นแต่ Stem ยาว” ระยะการเอื้อมไปจับมือเกียร์อาจจะเท่ากันก็จริง แต่ Top ของ Handlebars ต่างกัน สิ่งที่มันไม่เหมือนกันคือมันจะได้เรื่องความผ่อนคลายตอนจับส่วน Top ของ Handlebars ต่างกันนั่นเอง ใส่ Stem ยาวกว่า Top ของ Handlebars ก็จะอยู่ไกลตัวกว่า เวลาพักมือหลังจากปั่นเอื้อมนานๆ อยากจะพักมาจับ Top bars ก็จะรีแลกซ์น้อยกว่าการใส่ Stem สั้นๆ แต่ในกรณีที่เราใส่ Stem สั้น แต่ Handlebars ที่มี Reach ยาวๆ พอจับ Top bars ก็จะสบายกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังตอบตรงนี้ไม่ได้ว่าแบบไหนจะดีกว่ากันเพราะว่าเป็นเรื่องของพื้นฐานทางร่างกายของแต่ละบุคคลครับ ก็ต้องไปดูกันที่ตอนทำ Bike Fitting และต้องลองปั่นจักรยานดูว่าเข้ากับเราหรือไม่ แต่ถ้าจะเอาในเรื่องของการเลือกแบบพื้นฐานๆ คนที่สูงก็สามารถใช้ Handlebars ที่ Reach ยาวๆ ได้ แต่ถ้าคนตัวเล็กไม่สูง ก็ใส่ Reach สั้นๆ ไว้จะดีสุด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนจะเลือกซื้อ Stem เราควรดูที่ความกว้างก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยมาดูที่ Reach และ Drop โดยการเลือกความกว้างแฮนด์ที่เหมาะสมกับตัวเรามีวิธีคือเราต้องวัดความกว้างของไหล จากปลายกระดูกไหล่ซ้ายไปถึงปลายกระดูกไหล่ขวา แล้วเราจะได้ระยะตรงนั้นมาเลือก Stem ที่เหมาะสมกับเรา

ถ้าถามว่าไหล่แคบแต่ใช้แฮนด์กว้างกว่าระยะไหล่ได้ไหม ได้นะไม่เสียหายแต่อาจจะต้องใส่ Stem สั้นหน่อยเพื่อให้ระยะมันซัพพอร์ทกับตัวเรา จะได้ปั่นสบายแต่มันก็จะรู้สึกว่าแขนเรามันกางๆ ไปหน่อย แต่ด้วยความที่มันไม่ได้พอดี แล้วถ้าช่วงหัวไหลไม่แข็งแรง ร่างกายมันจะพยายามบาลานซ์หาความสบายให้ตัวเองด้วยการบิดข้อมือเข้าทั้งสองข้างเข้าหากันเองอัตโนมัติเพื่อให้ระยะแขนมันเอื้อมน้อยลงและเพื่อให้ได้ระยะที่มีแรงดันตัวเองยั้งตัวเองให้ตั้งขึ้นมาตอนปั่นจักรยาน ประมาณว่าเราใช้ข้อมือใช้แขนพยุงตัวไว้มากเกินไปบางทีมันจะปวดไหล่ ปวดข้อมือได้ ในทางกลับกันคนไหล่กว้างแต่ใช้แฮนด์แคบๆ ผลที่ออกมาคือผู้ปั่นจะไหล่ห่อ ไหล่มันจะบีบๆ มันจะทำให้เราปั่นไม่สนุกแล้วจะรู้สึกอึดอัดมาก บางคนอาจจะรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก หายใจลำบากเลยก็มี เพราะฉะนั้นควรเลือกความกว้างของแฮนด์ให้เหมาะสมและพอดีกับตัวเราที่สุด โดยการวัดความยาวจากปลายกระดูกไหล่ซ้ายไปถึงปลายกระดูกไหล่ขวาว่าได้เท่าไหร่ สมมติว่าได้ 41 ซม. ก็ไปซื้อแฮนด์ที่มีความกว้า 41 ซม. แต่ถ้าไปซื้อแล้วมันไม่มีระยะนี้ แต่มี 42 ซม. ถามว่าใช้ได้ไหม ถ้าหากห่างกันแค่ 1-2 ซม. ไม่มีปัญหา สามารถใช้ได้ แต่ก็อย่าลืมดูระยะเอื้อมและระยะก้มให้เหมาะสมกับตัวเราถ้าอ้วนก็ไม่ควรเลือก Drop เยอะๆ ตัวเตี้ย ก็ไม่ควรเลือก Reach เยอะๆ ส่วนมากระยะของแฮนด์ที่เราจะพบเจอได้ง่ายๆ ก็มี 40, 42, 44 ซม. หากยากขึ้นมาหน่อยก็ 38 ซม. หายากมาก 34, 36, 46, 48 ซม. ประมาณนี้ และโดยส่วนมากระยะแฮนด์แคบๆ ก็จะนิยมทำ Reach สั้นๆ มาอยู่แล้วตามหลักสรีระศาสตร์ ก็อย่าลืมดูระยะก้มให้ดีก่อน

ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลือกซื้อแฮนด์นั้นเราอย่าลืมดูเด็นขาดว่าแฮนด์แต่ละแบรนด์แต่ละยี่ห้อนั้นวัดแบบไหน การวัดจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบ คือ Center to Center (C to C), Outside to Outside (O to O), Inside to Inside (I To I) ก็คือ วัดจากจุดกึ่งกลาง วัดจากส่วนนอก วัดจากส่วนใน ที่เราพูดเรื่องการวัดหัวไหล่แล้วเอาระยะนั้นไปซื้อแฮนด์ตอนข้างต้นนั้นเป็นการวัดแบบ Center to Center ที่เจออีกแบบคือบางแบรนด์วัดแบบ Outside to Outside คือวัดจากด้านนอกแฮนด์ บางยี่ห้อวัดจากด้านในก็มีแต่ว่ามันไม่เป็นที่นิยม ในประเทศเราแฮนด์จะวัดแบบ Center to Center ซะส่วนใหญ่ แต่ก็อย่าลืมดูให้ดีเพราะบางแบรนด์ก็วัดแบบ Outside to Outside อยู่ ที่ต้องบอกตรงจุดนี้ไว้เพราะว่าบางคนวัดแล้วได้ 40 ซม. แล้วสั่งซื้อแฮนด์ออนไลน์แบบ 40 ซม. ของมาถึง ได้ 40 ซม. จริงๆ แต่วิธีที่เราวัดนั้นเป็น C to C แต่ปรากฏว่าแฮนด์ยี่ห้อที่สั่งมันวัดแบบ O to O เรียบร้อยเลยครับขี่ไม่ได้ไม่สบายตัว เพราะมันจะกลายเป็นแฮนด์ที่เราสั่งมานั้นแคบไป ทำให้ไหล่เราห่อ ถ้าแฮนด์ที่เราสั่งมาอันนั้นวัดแบบ O to O ได้ 40 ซม. แต่พอเปลี่ยนเอาแฮนด์อันนั้นมาวัดแบบ C to C มันจะได้ระยะ 38 ซม. เพราะฉะนั้นก่อนสั่งแฮนด์อย่าลืมดูดีๆ ครับ